เมนู

ปุน จ ปรํ อีกประการหนึ่งเล่า มหาราช ดูกรบพิตรพระราชสมภารเจ้า เมื่อภิกษุ
ทั้งหลายเที่ยวจาริกสัญจรอยู่ในป่า มหาชนทั้งหลายผู้มีศรัทธาจะได้พบได้ปะโดยยาก เมื่อ
ได้สร้างวิหารถวายให้อยู่อาศัยแล้ว ท่านจะได้ไปมาพักพาอยู่เป็นครั้งเป็นคราวให้มหาชนได้
เห็นและจะได้มาทำบุญให้ทาน สร้างวิหารนั้นมีอานิสงส์ดังนี้อีกประการหนึ่ง สิริเป็นอานิสงส์สอง
ประการ เหตุดังนี้สมเด็จพระโลกุตตมาจารย์จึงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ให้ทายกสร้างวิหาร
ถวายแก่พระภิกษุเป็นพหูสูตผู้ทรงไว้ซึ่งพระไตรปิฎก แต่พระพุทธบุตรทั้งปวงนั้น พระองค์เจ้า
บัญญัติไว้ว่า อย่าให้รักใคร่อาลัยด้วยวิหารนั้น พึงอยู่ชั่วคราวแล้วหลีกไป อย่างได้อยู่ในที่ใด
ติดอยู่เป็นนิตย์ พระองค์โปรดแล้วไว้ฉะนี้ ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากรได้ทรงฟังก็ทรงพระโสมนัสปรีดาตรัสว่า ภนฺเต ข้าแต่
พระผู้เป็นเจ้า สมฺปฏิจฺฉามิ โยมจักรับเอาถ้อยคำของพระผู้เป็นเจ้าไว้ เป็นข้อวัตรปฏิบัติสืบไป
แก่กุลบุตรอันเกิดมาเป็นปัจฉิมาชนตาสัตว์ในกาลบัดนี้
อนิเกตานาลยกรณปัญหา คำรบ 6 จบเพียงนี้

อุติฏฐอุทรปัญหา ที่ 7


สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่
พระนาคเสนผู้ประกอบด้วยปรีชาญาณ ภาสิตํ เจตํ คำนี้สมเด็จพระพิชิตมารโมลีเจ้ามีพระ
พุทธฎีกาตรัสว่า ภิกษุควรมีเพียรในการบิณฑบาตเลี้ยงท้อง อย่าได้ประมาทลืมตน และควร
เป็นผู้ขวนขวายสำรวมท้อง อย่าได้บริโภคอาหารมากยิ่งประมาณ ปุน จ ครั้นนานมาเล่า
สมเด็จพระสัพพัญญูเจ้ามีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ดูกรอุทายี บางคราวตถาคตนี้ ฉันจังหันเพียง
เสมอขอบมาตรนี้บ้าง ยิ่งกว่านี้บ้าง นี่แหละจะเชื่อคำหน้าหรือคำหลังก็จะผิด ครั้นจะเชื่อคำหลัง
คำหน้าก็จะผิด อยํ ปญฺโห อันว่าปริศนานี้ อุภโต โกฏิโก มีเงื่อนเป็นสองไม่ต้องกัน นิมนต์พระ
ผู้เป็นเจ้าวิสัชนาให้แจ้งในกาลบัดนี้
พระนาคเสนถวายพระพรว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร ซึ่ง
สมเด็จพระศาสดาจารย์มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ภิกษุไม่ควรประมาทในการบิณฑบาตเลี้ยงท้อง
และควรเป็นผู้สำรวมท้องของตน พระพุทธฏีกานี้ปรากฏทั่วไปแก่พระอรหันต์เจ้า และ
พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า และพระสัพพัญญูเจ้าทั้งหลาย และคำนั้นเป็นสภาววจนะกล่าวโดยแท้